คาด พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมัน มีผลบังคับใช้ในอีก 5-6 เดือน – ย้ำกองทุนไม่ได้มีไว้แทรกแซงราคา

ข่าวปาล์ม
5 ต.ค.  60 – 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล – นาย วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ครั้งที่ 1/2560 ซึ่งมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมฯ ซึ่งสรุปสาระสำคัญ ดังนี้ว่า

1. คาดว่าอีก 5-6 เดือน พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม พ.ศ. … จะมีผลบังคับใช้ ขณะนี้ อยู่ที่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา

2. ที่ประชุมรับทราบ (ร่าง) “พ.ร.บ. ปาล์มน้ำมันฯ” นี้ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนทางเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม
ประกอบด้วย 8 หมวด 58 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล โดยมีหน้าที่ปฏิบัติงานบริหารและดำเนินงานในฐานะฝ่ายเลขานุการ กนป. ศึกษา วิเคราะห์ ประมวล สรุปข้อมูล ในการกำหนดยุทธศาสตร์และแผนจัดการอุตฯ ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มที่ยั่งยืนทั้งระบบ เสนอต่อ กนป.

3. จัดตั้ง “กองทุนปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม” เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มในระยะยาว เช่น การวิจัยและพัฒนาต่างๆ

4. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำกฎหมายลำดับรองเพื่อรองรับ (ร่าง) “พ.ร.บ. ปาล์มน้ำมันฯ” นี้  โดยมีอำนาจหน้าที่ จัดทำกฎหมายลำดับรอง ตามร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว เสนอต่อ กนป. พร้อมเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตฯปาล์ม  เข้าร่วม

สำหรับสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) ในปัจจุบันอยู่ที่ 435,601 ตัน เพิ่มขึ้นจากในระดับปกติที่มีอยู่ประมาณ 200,000 ตันซีพีโอ เพิ่มขึ้นจากเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา 7.18% โดยที่ประชุม มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงพลังงาน ไปหาแนวทางรองรับปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันที่อาจจะเพิ่มขึ้นในอนาคต
โดยแนวทางหนึ่งที่มีการหารือก็คือ อาจเพิ่มสัดส่วนเปอร์เซ็นต์น้ำมันไบโอดีเซล (บี 100) ในน้ำมันดีเซลจากปัจจุบันที่มีการผสมอยู่ในสัดส่วน 7% เป็น 10% หรือเปลี่ยนจากน้ำมันไบโอดีเซลบี 7 เป็นบี 10

อย่างไรก็ตาม ระดับสต๊อกดังกล่าว ถือเป็นระดับที่เพียงพอสำหรับการใช้ในประเทศทั้งส่วนเพื่อบริโภคและเพื่อเป็นพลังงาน ไม่จำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
ขณะที่ราคาผลปาล์มอยู่ที่ 3 บาทกว่า/กิโลกรัมนั้น ยังประเมินว่าเป็นระดับที่ยังไม่มีความจำเป็นต้องมีการแทรกแซง โดยกระทรวงเกษตรจะให้ความสำคัญกับการเพิ่มคุณภาพในการผลิตเช่น เช่น กรณีเปอร์เซ็นต์น้ำมันในผลปาล์มปัจจุบัน 17.45% จะพัฒนาให้เพิ่มต่อเนื่องและให้เป็น 23% ในปี 2579

สำหรับผลผลิตในปีนี้คาดว่าผลปาล์มดิบจะอยู่ที่ 11.71 ล้านตัน จากพื้นที่ที่มีการเก็บเกี่ยวได้แล้ว 5 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ผลิตได้ 11 ล้านตัน โดยสามารถผลิตเป็นน้ำมันได้ประมาณ 2 ล้านตันซีพีโอ โดยราคาน้ำปาล์มดิบขณะนี้อยู่ที่ 22 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งใกล้เคียงกับตลาดโลกมากยิ่งขึ้น เพิ่มโอกาสที่ผู้ประกอบการจะส่งออกไปต่างประเทศได้ จากที่ผ่านมาราคาของไทยจะสูงกว่าต่างประเทศเนื่องจากต้นทุนสูงกว่า

ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มอันดับ 3 ที่ยังห่างจากอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตอันดับ 1 ที่ 30 ล้านตันซีพีโอ และอันดับ 2 มาเลเซีย ผลิตอยู่ที่ 19 ล้านตันซีพีโอ โดยเพียง 2 ประเทศนี้ก็มีกำลังการผลิตคิดเป็นประมาณ 90% ของกำลังผลิตทั่วโลกที่ 62 ล้านตันซีพีโอ
ข่าวปาล์ม

 


ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด (คอลัมน์ข่าวเศรษฐกิจ) – วันพฤหัสบดี 5 ตุลาคม  2560
ที่มา : ข่าวทำเนียบรัฐบาล thaigov.go.th – วันพฤหัสบดี 5 ตุลาคม 2560

แชร์บทความนี้

เพิ่มเราเป็นเพื่อน