ผักเหลียง ปลูกในสวนปาล์มน้ำมัน..ช่วยเสริมรายได้
ผักเหลียง
เนื่องจากผักเหลียงเป็นพืชที่ชอบแดดร่ม จึงนิยมปลูกแซมในสวนปาล์มน้ำมันและสวนยาง รวมทั้งเจริญเติบโตดีในเขตที่ฝนตกชุก ผักเหลียงเป็นพืชที่เติบโตได้เอง ไม่ต้องรดน้ำ ไม่ต้องใส่ปุ๋ย ไม่มีโรคและแมลงรบกวน วิธีการปลูกก็ไม่ยาก และใบก็ยังเป็นที่ต้องการขอตลาดอีกด้วย โดยราคาขายอยู่ประมาณ 10 บาท/กำ นอกจากจะเก็บใบเหลียงขายเพิ่มรายได้แล้ว ยังสามารถตอนกิ่งพันธุ์ขายได้อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งกิ่งพันธุ์ที่ลงถุงแล้วจะจำหน่ายอยู่ที่ราคาต้นละ 25 บาท
ผักเหลียงที่ปลูกจากการชำถุงจะสามารถเริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุประมาณ 2 ปี ขึ้นไป โดยยอดที่เก็บแล้วจะแตกใหม่และเก็บได้อีกใช้เวลาประมาณ 25-30 วัน
ผักเหลียง คืออะไร
ผักเหลียง (Baegu) เดิมมีถิ่นกำเนิดในประเทศสิงค์โปร เป็นผักป่าขึ้นเองตามธรรมชาติ ปัจจุบันจัดเป็นผักเศรษฐกิจหลักของภาคใต้ ให้ผลผลิตมากในช่วงกุมภาพันธ์-มิถุนายน
ผักเหลียง นิยมใช้ใบอ่อนประกอบอาหาร เช่น ผัดผัดเหลียง แกงเหลียง ผัดใส่ไข่ แกงจืด ห่อหมก ลวกจิ้มน้ำพริกหรือรับประทานสด
ลำต้น มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์ดังนี้
- ผักเหลียงเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นทรงพุ่มเตี้ยๆ ลำต้นมีขนาด 10-30 มิลลิเมตร สูงประมาณ 2-3 เมตร
- ลำต้นมีลักษณะเป็นข้อๆ ลำต้นแตกกิ่งแขนงมาก และแตกไหลออกด้านข้าง จนแลดูเป็นทรงพุ่มหนาทึบ ลำต้นเป็นไม้เนื้ออ่อน เปลือกลำต้นมีสีน้ำตาล
- กิ่งมีลักษณะเป็นข้อๆ กิ่งอ่อนมีสีเขียวเข้ม แต่ละกิ่งไม่มีการสลัดทิ้งกิ่ง กิ่งเปราะหักง่าย
ใบ มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์ดังนี้
ผักเหลียง เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ มีลักษณะใบคล้ายใบยางพารา
- ก้านใบยาวประมาณ 1 – 2 เซนติเมตร
- ใบแตกออกที่ปลายกิ่งแขนง แตกออกเป็นใบเดี่ยวตรงข้ามกันเป็นคู่ๆ
- ใบมีลักษณะรี
- โคนใบสอบ
- ปลายใบเรียวแหลม
- ขนาดใบกว้างประมาณ 4 – 10 เซนติเมตร ยาวประมาณ 10 – 20 เซนติเมตร
- แผ่นใบมีสีเขียวเข้ม
- แผ่นใบบาง แต่เหนียว
- ใบอ่อนมีสีแดงอมส้ม มีรสหวานมัน
ดอก มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์ดังนี้
- ผักเหลียงออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อดอกเป็นช่อดอกแบบเชิงลด มีความยาวช่อประมาณ 2-5 เซนติเมตร แยกออกเป็นต้นดอกช่อตัวผู้ และต้นดอกสมบูรณ์เพศแยกต้นกัน
- ดอกตัวผู้ออกเป็นช่อ ยาวประมาณ 3 – 4 เซนติเมตร ช่อดอกมีลักษณะเป็นข้อๆ มีดอกตัวผู้เรียงล้อมข้อ ตัวดอกมีขนาดเล็ก มีกลีบดอกสีขาว
- ส่วนต้นดอกสมบูรณ์เพศมีช่อดอกยาวประมาณ 5 – 7 เซนติเมตร ดอกมีขนาดใหญ่กว่าดอกต้นตัวผู้
- ทั้งดอกตัวผู้ และดอกตัวเมียเรียงล้อมบนข้อเหมือนต้นดอกตัวผู้ ประมาณ 7 – 10 ข้อ
- ดอกผักเหลียงจะเริ่มออกในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม
ผล มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์ดังนี้
- ผลผักเหลียงออกรวมกันบนช่อ แต่ละช่อมีผลประมาณ 10-20 ผล
- ผลมีลักษณะเป็นรูปกระสวย กว้างประมาณ 1 – 1.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2.5 – 4 เซนติเมตร
- เปลือกผลค่อนข้างหนา
- ผลอ่อนมีสีเขียว
- ผลสุกมีสีเหลือง
- เนื้อผลมีรสหวาน
ทั้งนี้ หลังออกดอก ดอกผักเหลียงจะเริ่มติดผลในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม และผลสุกในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน และติดเริ่มติดผลครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 5-6 ปี ขึ้นไป แต่การติดดอกออกผลจะไม่แน่นอน บางปีอาจไม่มีการติดดอกออกผล โดยเฉพาะปีที่ฝนตกชุกมาก
เมล็ด มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์ดังนี้
- เมล็ดผักเหลียงมีรูปไข่หรือรูปกระสวย
- เปลือกหุ้มเมล็ดบาง และหนาเฉพาะบริเวณขั้วเมล็ด
- ขนาดเมล็ดกว้างประมาณ 1 เซนติเมตร ยาวประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร
- เมล็ดค่อนข้างงอกยาก และงอกช้า
ประโยชน์และสรรพคุณของ ผักเหลียง
- ยอดผักเหลียง กรอบเมื่อรับประทานสด นุ่มเมื่อปรุงสุก มีรสชาติอร่อย หวานมัน นิยมรับประทานสด หรือใช้ประกอบเป็นอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น แกงเลียง ผัดใส่ไข่ แกงจืด แกงกะทิ แกงไตปลา ยำผักเหลียง ผักเหลียงทอดกรอบเป็นต้น
- ใช้เคี้ยวหรือรับประทานสดแก้หิว แก้ท้องว่าง แก้อาการขาดน้ำ โดยเฉพาะเวลาเดินทางไกลหรือเดินป่า
- ใช้เป็นยาสมุนไพร อาทิ ช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงกระดูก บำรุงเส้นเอ็น บำรุงสายตา และแก้โรคซางในเด็ก เป็นต้น
- ผลเหลียงสุกมีรสหวานสามารถรับประทานได้
- ช่วยในการอนุรักษ์ดิน และน้ำ ป้องกันการกัดเซาะหน้าดิน ช่วยชะลอการไหลซึมของน้ำ ช่วยให้หน้าดินชุ่มชื้นนาน
- ช่วยเพิ่มรายได้ เช่น การปลูกเหลียงแซมในสวนยาง สวนปาล์ม
- มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ประกอบด้วยแร่ธาตุ และวิตามินหลายชนิด มีเบต้าแคโรทีน ที่สูงกว่าผักบุ้งจีนถึง 3 เท่า และสูงกว่าผักบุ้งไทยถึง 5-10 เท่า
- ช่วยต้านมะเร็ง เนื่องจากผักเหลียง 100 กรัม หรือ 1 ขีด ไม่รวมก้าน ให้สารต้านอนุมูลอิสระมากถึง 1,089 ไมโครกรัมหน่วยเรตินัล (ข้อมูลจากภาควิชาอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์)
การปลูก ผักเหลียง
ผักเหลียง เป็นพืชที่เติบโตได้ดีใต้ร่มไม้อื่น การปลูกผักเหลียงจึงนิยมปลูกแบบไม่อาศัยเพศ คือ การปักชำราก การปักชำกิ่ง และการตอนกิ่ง เป็นหลัก มีระยะเวลาการชำหรือการตอนประมาณ 2 เดือน ขึ้นไปจนถึง 3 เดือน จึงจะได้กิ่งพันธุ์พร้อมปลูก
- การชำรากหรือใช้ต้นอ่อนที่งอกจากราก ต้นเหลียงที่เติบโตเต็มที่จะมีระบบรากแข็งแรง และยาว รากเหล่านี้ สามารถแตกหน่อกลายเป็นต้นใหม่ได้ ดังนั้น หากตัดรากมาชำหรือนำรากที่แตกหน่อแล้วมาชำต่อก็สามารถแยกปลูกเป็นต้นใหม่ได้ ทั้งนี้ ไม่ควรนำรากลงปลูก แต่ควรชำในถุงเพาะชำก่อน แล้วดูแลให้แตกยอดสูง 20 – 30 เซนติเมตร ก่อนนำปลูกลงแปลง
- การตอนกิ่ง กิ่งที่ใช้ตอนควรมีสีน้ำตาล ซึ่งอาจใช้กิ่งกระโดนหรือกิ่งแขนงที่โตเต็มที่ จากนั้นควั่นกิ่งให้ชิดกับข้อ และใช้วัสดุตอนทั่วไป เช่น ขุยมะพร้าว หลังแตกรากควรให้รากแก่มีสีน้ำตาลก่อนค่อยตัดกิ่งลงเพาะดูแลต่อในกระถาง ดูแลจนกว่าต้นจะตั้งตัวได้ค่อยนำปลูกลงแปลง
- การปักชำ การปักชำจะเลือกกิ่งชำที่มีลักษณะเช่นเดียวกับการตอนกิ่ง จากนั้น ตัดกิ่งชำยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร ก่อนปักชำในถุงเพาะชำหรือในกระถาง ดูแลจนแทงยอดสูง 20-30 เซนติเมตร ค่อยนำปลูกลงแปลง
- การเพาะเมล็ด จะต้องเป็นเมล็ดที่ได้จากผลที่สุกจัดหรือใช้เมล็ดจากผลที่ร่วงลงดินแล้ว นำผลมาตากแห้ง ก่อนห่อรวบรวมไว้ในถุงผ้า นาน 2-3 เดือน เพื่อให้เมล็ดได้พักตัว จากนั้นจึงนำเมล็ดลงเพาะในถุงเพาะชำ ซึ่งเมล็ดจะเริ่มงอกตั้งแต่ 4 – 12 เดือน ขึ้นไป เนื่องจากเมล็ดผักเหลียงจะงอกยากและงอกได้ช้ามาก ดังนั้น วิธีขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดจึงไม่เป็นที่นิยมนัก
การเก็บยอด ผักเหลียง
- ผักเหลียงหลังการปลูกประมาณ 1 ปี จะโตได้กว่า 1 เมตร โดยเริ่มเก็บยอดได้ตั้งแต่ 1-2 ปี ขึ้นไป และสามารถเก็บยอดอ่อนได้ตลอดทั้งปี
- การเก็บยอด ควรเก็บต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรปล่อยให้เกิดยอดแก่ แต่หากเกิดยอดแก่ ให้ตัดโคนยอดทิ้ง เพื่อให้แตกยอดอ่อนใหม่ หลังเก็บแล้วประมาณ 15 วัน กิ่งเหลียงจะเริ่มแตกยอดใหม่ และใช้เวลาพัฒนายอดอีกประมาณ 10-15 วัน จึงพร้อมเก็บ ดังนั้น ใน 1 เดือน จะเก็บยอดเหลียงได้ประมาณ 1 ครั้ง
- การเก็บยอดแต่ละครั้ง ให้เด็ดหรือตัดใกล้ข้อ ไม่ควรเด็ดกลางหรือปลายข้อ เพราะจะทำให้ยอดใหม่แตกช้า โดยควรเก็บในช่วงเช้าหรือเย็นที่แสงแดดไม่ร้อน ทั้งนี้ การเด็ดหรือเก็บยอดเหลียงให้ระวังน้ำยางไม่ให้เข้าตา เพราะหากเข้าตาจะทำให้ระเคือง และแสบตาได้
- ยอดผักเหลียงที่เก็บแล้ว ควรพรมน้ำให้ชุ่มตลอดหรือเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นหรือรีบบรรจุถุงส่งจำหน่าย เพราะผักเหลียงจะเหี่ยวเร็วหากเก็บไว้นานโดยไม่สัมผัสน้ำ โดยปกติหากพรมน้ำหรือเก็บไว้ในร่มที่ชุมจะเก็บได้นาน 5-7 วัน
ที่มา :
– puechkaset.com เว็บพืชเพื่อเกษตรไทย
– คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
เอกสารอ้างอิง :
– กูล จุลแก้ว. 2536. เหมียง ผักพื้นบ้านเศรษฐกิจที่น่าสนใจ. โครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการผักพื้นบ้าน สำนักงานเกษตรจังหวัดพังงา กรมส่งเสริมการเกษตร. 49 หน้า. สถาบันการแพทย์แผนไทย. 2542. ผักพื้นบ้านภาคใต้. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก. 279 หน้า.
– สุธาชีพ ศุภเกษร, 2527, ต้นผักเหลียงผักพื้นเมืองที่น่าสนใจ, กสิกร 57 : 5-11.
– กองโภชนาการ กรมอนามัย, 2544, ตารางแสดงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย.
– คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 2560, ออนไลน์, สืบค้นเมื่อ 3 กรกฎาคม 2560, เข้าถึงได้ที่ : http://www.natres.psu.ac.th/FNR/vfsouthern/index.php/2013-10-26-10-11-55/9-uncategorised/152-2014-01-25-07-46-50/.
– การใช้เกษตรดีที่เหมาะสมในการผลิตผักเหลียง-ของเกษตรกรในตำบลราชกรูด อำเภอเมือง จังหวัดระนอง.
– ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดสุราษฎร์ธานี (พืชสวน) กรมส่งเสริมการเกษตร, มมป., การปลูกผักพื้นบ้าน (ผักเหมียง).
– วีรเกียรติ เสถียรรานนท์, 2541, เหมียง : ผักพื้นบ้าน (ผักเศรษฐกิจ) ในระบบเกษตรผสมผสาน.
แชร์บทความนี้